TÓM TẮT
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม (ศัพท์พันธุศาสตร์ )
Keywords searched by users: ลักษณะทางพันธุกรรมในภาษาอังกฤษ: เข้าใจและใช้ได้อย่างไร การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม, Genetic trait, การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ภาษาอังกฤษ, genetic trait ความหมาย, Genetic characteristics, ลักษณะที่แปรผันต่อเนื่อง คือ, Genotype คือ, โครโมโซม
ลักษณะทางพันธุกรรมในภาษาอังกฤษ
ลักษณะทางพันธุกรรมในภาษาอังกฤษ (Genetic Characteristics in English)
ลักษณะทางพันธุกรรมหมายถึงคุณสมบัติที่สามารถถ่ายทอดผ่านพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปยังลูกหลาน ซึ่งเกิดจากการสลับของเอนไซม์และกรดนิวคลีอิค ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในโครงสร้างของเซลล์ที่ควบคุมการทำงานของเซลล์และส่งคำสั่งให้เซลล์ทำงานต่างๆ [1].
ลักษณะทางพันธุกรรมสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ดังนี้:
-
ลักษณะทางพันธุกรรมที่แสดงผลตรง (Mendelian Traits): เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมโดยยีนเดี่ยว ซึ่งสามารถแบ่งเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นจากยีนเดี่ยวเดียว (Dominant Traits) และลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นจากยีนเดี่ยวเดียว (Recessive Traits) [1].
-
ลักษณะทางพันธุกรรมที่แสดงผลทางความสามารถ (Polygenic Traits): เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกควบคุมโดยหลายยีน ซึ่งสามารถแสดงผลในรูปแบบของสเกลที่ต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ส่วนสูงของบุคคล สีผม หรือสีผิว [1].
-
ลักษณะทางพันธุกรรมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในโครโมโซม (Chromosomal Abnormalities): เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในโครโมโซม เช่น การเพิ่มหรือลดจำนวนโครโมโซม หรือการเปลี่ยนแปลงในโครโมโซมเฉพาะส่วน [1].
-
ลักษณะทางพันธุกรรมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในยีน (Gene Mutations): เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่เกิดจากการลักษณะทางพันธุกรรมในภาษาอังกฤษ (Genetic Characteristics in English)
ลักษณะทางพันธุกรรมหมายถึงคุณสมบัติที่ถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปยังลูกสืบที่เกิดขึ้นในสิ่งมีชีวิต ภาษาอังกฤษมีคำศัพท์ที่ใช้ในการอธิบายลักษณะทางพันธุกรรมอย่างถูกต้องและเป็นระบบ ซึ่งเราสามารถใช้คำศัพท์เหล่านี้ในการอธิบายลักษณะทางพันธุกรรมในภาษาอังกฤษได้ ตัวอย่างเช่น:
- ลักษณะทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครโมโซม (Chromosomal Genetic Characteristics)
- โครโมโซมเพศ (Sex Chromosomes) [1]
- โครโมโซมอัตโนมัติ (Autosomal Chromosomes) [1]
- โครโมโซมเลข 23 (Chromosome 23) [1]
- ลักษณะทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับเจน (Gene-related Genetic Characteristics)
- ลักษณะทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอด (Inheritance-related Genetic Characteristics)
- การสืบทอดแบบเชื่อมโยง (Linked Inheritance) [1]
- การสืบทอดแบบไม่เชื่อมโยง (Unlinked Inheritance) [1]
- การสืบทอดแบบเชื่อมโยงทางเพศ (Sex-Linked Inheritance) [1]
- ลักษณะทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง (Variation-related Genetic Characteristics)
- การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม (Genetic Variation) [1]
- การเกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม (Genetic Mutation) [1]
- การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นในระดับโครโมโซม (Chromosomal Genetic Variation) [1]
Learn more:
- ลักษณะทางพันธุกรรม แปลว่าอะไร ดูความหมาย ตัวอย่างประโยค หมายความว่า พจนานุกรม Longdo Dictionary แปลภาษา คำศัพท์
- ลักษณะทางพันธุกรรม แปลว่าอะไร ดูความหมาย ตัวอย่างประโยค หมายความว่า พจนานุกรม Longdo Dictionary แปลภาษา คำศัพท์
- ลักษณะทางพันธุกรรม คืออะไร แปลว่าอะไร ตัวอย่างประโยค จากพจนานุกรมแปล ไทย-อังกฤษ LEXiTRON
การสืบทอดลักษณะทางพันธุกรรม
การสืบทอดลักษณะทางพันธุกรรมเป็นกระบวนการที่สิ่งมีชีวิตถ่ายทอดลักษณะต่างๆ จากรุ่นหนึ่งไปยังรุ่นถัดไป โดยผ่านทางเอกลักษณ์ทางพันธุกรรมที่ถูกสร้างขึ้นจากเซลล์สืบพันธุ์ [1]. ลักษณะทางพันธุกรรมเป็นผลมาจากการสลับของเอกลักษณ์ทางพันธุกรรมจากพ่อแม่ไปยังลูก [1]. ในกระบวนการนี้ มีความแปรผันทางพันธุกรรมเกิดขึ้น ซึ่งทำให้สิ่งมีชีวิตแต่ละบุคคลมีลักษณะที่แตกต่างกันไป [1].
ลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม:
- ลักษณะทางพันธุกรรมสามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นต่อไปได้โดยผ่านทางเซลล์สืบพันธุ์ [1].
- ลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดได้รวมถึงลักษณะต่างๆ เช่น ลักษณะสีผิว ลักษณะเส้นผม ลักษณะสีตา เป็นต้น [1].
- ลักษณะทางพันธุกรรมอาจถูกส่งผ่านจากพ่อแม่ไปยังลูกหรือส่งผ่านจากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนรุ่นต่อไป [1].
ความแปรผันทางพันธุกรรม:
- ความแปรผันทางพันธุกรรมสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ความแปรผันแบบไม่ต่อเนื่องและความแปรผันแบบต่อเนื่อง [2].
- ความแปรผันแบบไม่ต่อเนื่องเกิดจากอิทธิพลทางพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว ซึ่งลักษณะทางพันธุกรรมที่แตกต่างกันจะแยกออกได้อย่างชัดเจน เช่น ลักษณะลักยิ้ม (มีลักยิ้มหรือไม่มีลักยิ้ม) ติ่งหู (มีติ่งหูหรือไม่มีติ่งหู) ห่อลิ้น (ห่อลิ้นได้หรือห่อลิ้นไม่ได้) เป็นต้น [2].
- ความแปรผันแบบต่อเนื่องเกิดจากการการสืบทอดลักษณะทางพันธุกรรมเป็นกระบวนการที่สิ่งมีชีวิตถ่ายทอดลักษณะต่างๆ จากรุ่นหนึ่งไปยังรุ่นถัดไป โดยผ่านทางเอกลักษณ์ทางพันธุกรรมที่ถูกสร้างขึ้นจากเซลล์สืบพันธุ์ [1]. ในกระบวนการนี้ ลักษณะทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นในรุ่นก่อนหน้าจะถูกส่งผ่านไปยังรุ่นลูก โดยมีการผสมของเอกลักษณ์ทางพันธุกรรมระหว่างพ่อแม่ [1].
ลักษณะทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดได้แก่ลักษณะทางสีผิว ลักษณะเส้นผม ลักษณะสีตา เป็นต้น [1]. ตัวอย่างเช่น ลักษณะเส้นผมที่คล้ายกับพ่อ หรือลักษณะสีตาที่คล้ายกับแม่ จะถูกส่งผ่านไปยังลูก [1]. การสืบทอดลักษณะทางพันธุกรรมนั้นอาจเกิดขึ้นในรุ่นลูกหลาน หรือรุ่นต่อไป [1].
การสืบทอดทางพันธุกรรมสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ลักษณะที่มีความแปรผันแบบไม่ต่อเนื่อง และลักษณะที่มีความแปรผันแบบต่อเนื่อง [2].
-
ลักษณะที่มีความแปรผันแบบไม่ต่อเนื่อง (Discontinuous Variation)
-
ลักษณะที่มีความแปรผันแบบต่อเนื่อง (Continuous Variation)
- เป็นลักษณะทางพัน
โมเดลทางพันธุกรรม
โมเดลทางพันธุกรรมคืออะไร?
โมเดลทางพันธุกรรม (Genetic Model) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาและทดลองเพื่อเข้าใจและอธิบายกระบวนการทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต โดยใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น ยีน โครโมโซม หรือสายพันธุ์ต่าง ๆ
โมเดลทางพันธุกรรมมีหลายประเภทและใช้ในการศึกษาหลายด้านของพันธุกรรมวิทยา ตั้งแต่การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างยีนและลักษณะทางสังคม การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างยีนและโรค การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างยีนและสภาวะทางสุขภาพ และอื่น ๆ
โมเดลทางพันธุกรรมมีความสำคัญอย่างมากในการทดลองและการวิจัยทางพันธุกรรม เพราะช่วยให้เราเข้าใจและทำความเข้าใจกระบวนการทางพันธุกรรมได้อย่างละเอียด นอกจากนี้ยังช่วยให้เราสามารถทดลองและทำนายผลลัพธ์ทางพันธุกรรมได้ก่อนที่จะทำการทดลองจริง
โมเดลทางพันธุกรรมมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในหลายสาขาวิชา เช่น
- ในสาขาการแพทย์: โมเดลทางพันธุกรรมช่วยในการศึกษาและทดลองเพื่อค้นหายาที่เหมาะสมกับคนแต่ละบุคคล หรือการวิเคราะห์ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคทางพันธุกรรม
- ในสาขาการเกษตร: โมเดลทางพันธุกรรมช่วยในการพัฒนาพืชหรือสัตว์ที่มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น เช่น พืชที่ทนทานต่อโรคหรือสัตว์ที่มีประสิทธิภาพในการผลิต
- ในสาขาการวิทยาศาสตร์: โมเดลทางพันธุกรรมช่วยในการศึกษโมเดลทางพันธุกรรมคืออะไร?
โมเดลทางพันธุกรรม (Genetic Model) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาและทดลองเพื่อเข้าใจและอธิบายกระบวนการทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่น โมเดลทางพันธุกรรมช่วยให้เราสามารถทำนายและทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมได้ โดยใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมที่มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตเป็นพื้นฐาน
โมเดลทางพันธุกรรมมีหลายรูปแบบและวิธีการที่ใช้ในการศึกษา อย่างไรก็ตาม โมเดลทางพันธุกรรมที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายคือโมเดลทางพันธุกรรมทางสถิติ (Statistical Genetic Model) ซึ่งใช้เครื่องมือทางสถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรม
โมเดลทางพันธุกรรมทางสถิติใช้ข้อมูลทางพันธุกรรมจากการศึกษาทางพันธุกรรมในประชากร เช่น การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างยีนและลักษณะทางพันธุกรรม โดยใช้เครื่องมือทางสถิติเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและทำนายผลลัพธ์ทางพันธุกรรม
โมเดลทางพันธุกรรมทางสถิติมีประโยชน์ในการศึกษาและทดลองในหลายสาขาวิชา เช่น
- การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างยีนและโรคที่เกิดขึ้นในมนุษย์ เพื่อค้นหายีนที่เกี่ยวข้องกับโรคและวิธีการป้องกันหรือรักษาโรคนั้น
- การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างยีนและลักษณะทางพันธุกรรมที่เกิดขึ้นในพืชหรือสัตว์ เพื่อพั
Learn more:
การแปลรหัสพันธุกรรม
การแปลรหัสพันธุกรรมคือกระบวนการสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการแสดงออกของยีน การแปลรหัสเป็นกระบวนการที่ใช้ในการสร้างโปรตีนโดยอ่านรหัสจาก mRNA ที่ได้จากการถอดรหัส กระบวนการนี้เกิดขึ้นในไซโตพลาสซึมซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเซลล์ ไซโตพลาสซึมประกอบด้วยหน่วยย่อยขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ซึ่งจะมาประกบกันเมื่อมี mRNA ที่จะถูกแปลรหัส [1].
กระบวนการแปลรหัสมี 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ [1]:
- การกระตุ้น (Initiation): ในขั้นตอนนี้ กรดอะมิโนจะเกิดพันธะโควาเลนต์กับ tRNA ที่เป็นคู่กัน กรดอะมิโนจะใช้หมู่คาร์บอกซิลจับกับหมู่ 3 OH ของ tRNA ด้วยพันธะเอสเทอร์
- การเริ่มต้น (Elongation): เริ่มจากหน่วยเล็กของไรโบโซมจับกับปลาย 5 ของ mRNA โดยมี initiation factors (IF) เป็นผู้ช่วย ในขั้นตอนนี้กรดอะมิโนจะถูกนำมายังไรโบโซมเพื่อต่อกันเป็นโปรตีน
- การต่อเนื่อง (Elongation): ในขั้นตอนนี้กรดอะมิโนจะถูกเพิ่มเข้าไปในโปรตีนที่กำลังสร้างอยู่ โดยใช้ tRNA ที่มีกรดอะมิโนที่ตรงกับรหัสพันธุกรรมบน mRNA
- การสิ้นสุด (Termination): เมื่อด้าน A ของไรโบโซมเป็นรหัสพันธุกรรมหยุด (UAA, UAG, UGA) การสร้างโปรตีนจะสิ้นสุดลง ในขั้นตอนนี้ไม่มี tRNA เข้ามา แต่ releasing factor จะเข้ามาทำให้โปรตีนปล่อยออกมา
การแปลรหัสพันธุกรรมเป็นกระบวนการที่สำคัญและซับซ้อน ซึ่งมีผลต่อการสร้างโปรตีนที่เป็นส่วนสำคัญของเซลล์ การแปลรหัสพันธุกรรมคือกระบวนการที่สำคัญในการสังเคราะห์โปรตีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการแสดงออกของยีน การแปลรหัสเป็นกระบวนการที่ใช้ในการสร้างโปรตีนโดยอ่านรหัสจาก mRNA ที่ได้จากการถอดรหัส กระบวนการนี้เกิดขึ้นในไซโตพลาสซึมซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเซลล์ ไซโตพลาสซึมประกอบด้วยหน่วยย่อยที่มีขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ซึ่งจะมาประกบกันเมื่อมี mRNA ที่เป็นรหัสพันธุกรรม การแปลรหัสนี้จะสร้างโปรตีนจากการอ่านรหัสพันธุกรรมที่เป็นลำดับเบสบน mRNA โดยรหัสพันธุกรรมจะเป็นตัวบอกลำดับของกรดอะมิโนในโปรตีน [1].
กระบวนการการแปลรหัสพันธุกรรมมี 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ [1]:
- การกระตุ้น (Initiation): ในขั้นตอนนี้ กรดอะมิโนจะเกิดพันธะโควาเลนต์กับ tRNA ที่เป็นคู่กัน กรดอะมิโนจะใช้หมู่คาร์บอกซิลจับกับหมู่ 3 OH ของ tRNA ด้วยพันธะเอสเทอร์
- การเริ่มต้น (Elongation): เริ่มจากหน่วยเล็กของไรโบโซมจับกับปลาย 5 ของ mRNA โดยมี initiation factors (IF) เป็นผู้ช่วย ในขั้นตอนนี้โปรตีนจะถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดการสิ้นสุด
- การต่อเนื่อง (Elongation): ในขั้นตอนนี้โปรตีนจะถูกสร้างขึ้นต่อเนื่องจากกรดอะมิโนที่ถูกเชื่อมต่อกัน โดยใช้ tRNA และรหัสพันธุกรรมบน mRNA เป็นแนวทางในการเชื่อมต่อ
- การสิ้นสุด (Termination): เกิดขึ้นเมื่อด้าน A ของไรโบโซมเป็นรหัสพันธุกรรมหยุด (UAA, UAG, UGA) ซึ่งจะไม่มี tRNA เข้ามา แต่ releasing factor จะ
Learn more:
การศึกษาทางพันธุกรรม
การศึกษาทางพันธุกรรมเป็นสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและความหลากหลายทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งในระดับเซลล์และระดับประชากร [1]. การศึกษาทางพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการเข้าใจกระบวนการทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งในด้านการพัฒนาพันธุ์พืชและสัตว์ และในด้านการรักษาสุขภาพของมนุษย์ [2].
เนื่องจากการศึกษาทางพันธุกรรมเป็นสาขาวิชาที่มีความซับซ้อน ดังนั้นเราจะมาสรุปและอธิบายหลักการและความสำคัญของการศึกษาทางพันธุกรรมให้เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ดังนี้:
หลักการและความสำคัญของการศึกษาทางพันธุกรรม:
- ดีเอ็นเอ (DNA) เป็นโมเลกุลที่สำคัญในการศึกษาทางพันธุกรรม เนื่องจากเป็นสารที่ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่น และมีบทบาทในการกำหนดลักษณะทางสายตามของสิ่งมีชีวิต [1].
- ยีนเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอซึ่งมีความสำคัญในการกำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ยีนสามารถถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่น และมีบทบาทในการสร้างโปรตีนที่มีความสำคัญต่อการทำงานของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในสิ่งมีชีวิต [1].
- การศึกษาทางพันธุกรรมช่วยให้เราเข้าใจถึงกระบวนการทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์เพื่อเพิ่มผลผลิตหรือลดการศึกษาทางพันธุกรรมเป็นสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมและความหลากหลายทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต ศาสตร์นี้มีความสำคัญอย่างมากในการเข้าใจกระบวนการทางชีววิทยาและการพัฒนาสิ่งมีชีวิตทั้งในระดับเซลล์และระดับสายพันธุ์
การศึกษาทางพันธุกรรมมีหลักการที่สำคัญคือการศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างเชิงโมเลกุลและหน้าที่ของยีน ยีนเป็นส่วนหนึ่งของสายดีเอ็นเอซึ่งเป็นโมเลกุลที่ประกอบด้วยนิวคลีโอไทด์สี่ชนิดเชื่อมต่อกันเป็นสายยาว ลำดับนิวคลีโอไทด์ในยีนจะถูกแปลออกมาเป็นสายของกรดอะมิโน ซึ่งลำดับของกรดอะมิโนที่มาประกอบกันเป็นโปรตีนนั้นถ่ายทอดออกมาจากลำดับของนิวคลีโอไทด์บนดีเอ็นเอ ความสัมพันธ์ระหว่างลำดับของนิวคลีโอไทด์และลำดับของกรดอะมิโนนี้เรียกว่ารหัสพันธุกรรม [1].
การศึกษาทางพันธุกรรมมีหลายแนวทางการวิจัยและการประยุกต์ใช้ ดังนี้:
-
การศึกษาโรคทางพันธุกรรม: การศึกษาทางพันธุกรรมช่วยให้เราเข้าใจถึงสาเหตุของโรคที่มีความสัมพันธ์กับพันธุกรรม เช่น โรคตาแดงที่เกิดจากการสืบต่อกันของยีนผิดปกติ [2].
-
การพัฒนาพืชและสัตว์: การศึกษาทางพันธุกรรมช่วยให้เราสามารถปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ให้มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น เช่น การเลือกสรรพันธุ์พืชที่มีความต้านทานต่อโรค
Learn more:
Categories: อัปเดต 16 ลักษณะทางพันธุกรรม ภาษาอังกฤษ
(n) hereditary characteristic, Syn. ลักษณะทางกรรมพันธุ์, Example: มีคำถามมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงสมัยปัจจุบันแล้ว ว่ามนุษย์นั้นถูกกำหนดขึ้นมาจากลักษณะทางพันธุกรรม หรือสิ่งแวดล้อมกันแน่ ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน
See more: https://ecopark.wiki/category/watch
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม (Heredity) เป็นกระบวนการที่สิ่งมีชีวิตถ่ายทอดลักษณะต่างๆ จากรุ่นหนึ่งไปยังรุ่นหนึ่ง หรือจากบรรพบุรุษไปสู่ลูกหลาน [1]. กระบวนการนี้เกิดขึ้นผ่านการถ่ายทอดของเซลล์สืบพันธุ์ โดยลักษณะทางพันธุกรรมต่างๆ ของพ่อและแม่จะถูกส่งผ่านไปยังลูก [1]. ลักษณะทางพันธุกรรมสามารถแบ่งออกเป็นลักษณะที่ถ่ายทอดได้โดยตรงและลักษณะที่ถ่ายทอดได้ผ่านการแปรผัน [1].
ลักษณะที่ถ่ายทอดได้โดยตรง (Direct Inheritance) เป็นลักษณะที่สามารถแยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจน โดยลักษณะที่มีความแปรผันแบบไม่ต่อเนื่องจะถูกส่งผ่านไปยังลูกโดยตรง [1]. เช่น ลักษณะสีผิว ลักษณะเส้นผม ลักษณะสีตา เป็นต้น [1].
ลักษณะที่ถ่ายทอดได้ผ่านการแปรผัน (Continuous Variation) เป็นลักษณะที่มีความแปรผันแบบต่อเนื่อง ซึ่งความแตกต่างของลักษณะนี้อาจเกิดจากอิทธิพลทางพันธุกรรมและสภาพแวดล้อม [1]. ตัวอย่างของลักษณะที่มีความแปรผันแบบต่อเนื่องได้แก่ ความสูง น้ำหนัก และความอัตราการเจริญเติบโต [1].
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมมีความสำคัญในการศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาของสิ่งมีชีวิต และมีผลต่อการสืบทอดลักษณะต่างๆ ในสายพันธุ์ต่างๆ [1]. การศึกษาการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมช่วยให้เราเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตและช่วยในการพัฒนาสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติที่ตการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม (Heredity) เป็นกระบวนการที่สิ่งมีชีวิตถ่ายทอดลักษณะต่างๆ จากรุ่นหนึ่งไปยังรุ่นหนึ่ง หรือจากบรรพบุรุษไปสู่ลูกหลาน [1]. กระบวนการนี้เกิดขึ้นผ่านทางเซลล์สืบพันธุ์ เมื่อเกิดการปฏิสนธิระหว่างเซลล์ไข่ของแม่และอสุจิของพ่อ ลักษณะต่างๆ ของพ่อและแม่จะถ่ายทอดไปยังลูก [1].
ลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ [1]:
- ลักษณะที่มีความแปรผันแบบไม่ต่อเนื่อง (Discontinuous Variation): เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่สามารถแยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เช่น ลักษณะลักยิ้ม (มีลักยิ้มหรือไม่มีลักยิ้ม) หรือลักษณะติ่งหู (มีติ่งหูหรือไม่มีติ่งหู) [1].
- ลักษณะที่มีความแปรผันแบบต่อเนื่อง (Continuous Variation): เป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่มีความแตกต่างเป็นอันมากหรือน้อย แต่ไม่สามารถแยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เช่น ส่วนสูง, น้ำหนัก, หรือสีผิว [1].
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมเกิดขึ้นผ่านทางเอนไซม์ DNA ที่อยู่ในเซลล์สืบพันธุ์ โดยเอนไซม์ DNA จะทำหน้าที่สร้างโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับลักษณะต่างๆ ของสิ่งมีชีวิต เมื่อเกิดการผสมพันธุ์ระหว่างเซลล์ไข่ของแม่และอสุจิของพ่อ โปรตีนที่ถูกสร้างขึ้นจะมีส่วนร่วมในการกำหนดลักษณะทางพันธุกรรมของลูก [1].
การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกชนิดของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ พืช ห
Learn more:
See more here: ecopark.wiki
สารบัญ
การสืบทอดลักษณะทางพันธุกรรม
โมเดลทางพันธุกรรม
การแปลรหัสพันธุกรรม
การศึกษาทางพันธุกรรม